รีวิวหนัง ทิดน้อย ละครตลกสามช่าที่หาจังหวะขำยากไปหน่อย

รีวิวหนัง ทิดน้อย พงษ์ศักดิ์ พงษ์สุวรรณ ในฐานะผู้กำกับฯ เคยผ่านงาน ‘เท่งโหน่ง คนมาหาเฮีย’ ‘เท่งโหน่ง เจ๊วรบิน’ และ ‘แคท วับ!’ ที่ล้วนแต่ประสบความสำเร็จในด้านรายได้ ได้เป็นอย่างดี และในอีกชื่อ เท่ง เถิดเทิง เป็นนักแสดงตลกที่ก้าวข้ามจากวงการทีวีสู่วงการภาพยนตร์ได้อย่างงดงามรวมถึงสร้างชื่ออย่าง ‘มือปืน/โลก/พระ/จันทร์’ สู่ ‘หลวงพี่เท่ง’ ผู้ซึ่ง ได้ทั้งสร้างรายได้มหาศาล

และหลังจากกำกับมา 8 ปี พี่เท่ง เท่ง โหน่ง ก็กลับมาอีกครั้งกับผลงานการกำกับเรื่องใหม่อย่าง ‘ทิดน้อย’ หนังที่ขอย้อนตำนานแม่นากพระโขนงในมุมมองของคนที่แอบรักตัวละคร ทิดน้อย. delegated blind for love นี่จะเป็นโรแมนติกคอมเมดี้เรื่องแรกในผลงานการกำกับของเขา

ณ ทุ่งพระโขนง สาวสวยอย่าง แน็ก (พัชราภา ไชยเชื้อ) ตกเป็นเป้าของหนุ่มๆ หลายคน รวมทั้ง หมาก (อนันดา เอเวอร์ริ่งแฮม) หนุ่มหล่อบึกบึนแห่งทุ่งพระโขนง และ ทิดน้อย (ติ๊งโน้ต เท่ง โหน่ง) ผู้ชาย . ชายหนุ่มผู้มีสายตาจับจ้องแต่พญานาคเป็นใหญ่ผู้ได้หัวใจพญานาคไปครอบครองแต่หลังจากถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารทิดน้อยก็ต้องรับหน้าที่ดูแลนาคที่ตั้งท้อง . และระหว่างนี้มาพิสูจน์กันว่าระหว่างรักแท้ของหมากกับรักแท้ของทิดน้อยใครจะได้ครอบครองหัวใจนาคกันแน่?

ดูหนังแล้วก็คงไม่ผิดถ้าจะบอกว่าบทของ ‘ทิดน้อย’ ดูจะเป็นภาคต่อของละครสามช่าไม่ต่างจากผลงานเรื่องก่อนๆ และมีฉากฟินๆ ที่หลายคนคิดถึงจากชิงร้อยชิงล้าน เมื่อคนดูไม่ต้องสนใจเนื้อเรื่องก็เปิดโอกาสให้พี่เท่งใส่มุก พี่เท่งใช้บริการนักแสดงตลกแนวร่วมตั้งแต่รุ่นเก๋าอย่างพี่โหน่งหรือน้าสาว เชิญยิ้ม ไปจนถึงคนรุ่นใหม่อย่างแจ๊ค พัดชา และรัศมีแข ฟ้าเกื้อลอน ที่สร้างสีสันให้หนังได้ ดีมาก

รีวิวหนัง ทิดน้อย จุดไฮไลท์ของเรื่องที่น่าสนใจ

รีวิวหนัง ทิดน้อย แต่ไฮไลท์จุดขายจริงๆ ของหนังคือ การนำอนันดา เอเวอร์ริ่งแฮมที่ไม่ค่อยปรากฏในหนังตลกแนวนี้ มาประกบคู่กับ อั้ม พัชราภา ไชยเชื้อ นางเอกซุปตาร์ที่ลาจอไป เป้ย ปานวาด กลับมารับบทแม่นากอีกครั้งหลังจากแสดงเวอร์ชั่นละครเมื่อ 24 ปีที่แล้ว ทำให้ ‘ทิดน้อย’ มีทิศทางชัดเจนว่ากลุ่มเป้าหมายคือแฟนอั้ม รวมถึงคนที่เคยดูหนังที่อนันดาเล่นแล้วอยากจะเห็นเขาเล่นบทตลกๆ บ้าง ทำให้หนังน่าดูทีเดียว

แต่ผลงานการกำกับของพี่เท่งก็ยังไม่สามารถทำให้อั้มและอนันดาอินไปกับมุกตลกแบบด้นสดหรือปล่อยให้ความสุขไหลไปกับบทได้เหมือนดาราตลกในจอมากนัก จึงทำให้ภาพรวมของมันเองไม่ค่อยกลมกล่อม นักพากย์หลัก ดูจะพยายามเล่นในส่วนของการเล่าเรื่อง แต่ด้วยงานของผู้กำกับที่ไม่เน้นการควบคุมการแสดง การแสดงโดยรวมของทั้งคู่จึงออกมาดูเป็นนักแสดงที่ฝีมือดรอปลงอย่างเห็นได้ชัด

ส่วนนักแสดงตลกก็เอามาสร้างสีสันไม่มีผลต่อเรื่องมากนัก นอกจากนี้ คุณต้องยอมรับว่าหากคุณประเมินว่ามันคือหนังตลก ก็ยังยากที่จะหาจังหวะที่จะทำให้ผู้ชมหัวเราะได้ เพราะโนว์ฮาว (Know How) การเล่นมุกตลกแบบละครสั้นสามช่ามาใช้กับหนังความยาว 1 ชั่วโมงครึ่ง ผลลัพธ์ที่ได้คือหนังล้นทุกส่วนจนเกิดความสมดุลระหว่างคอมเมดี้และโรแมนซ์ ไม่เป็นอย่างที่อยากเป็น

และไม่ใช่แค่เรื่องตลกเท่านั้นที่เล่นนอกเวลา แม้แต่แนวคิดที่เป็นจุดขายอย่างการวางทิดเป็นตัวละครหลักในการเล่าเรื่องก็ถูกเล่าเป็นเศษๆเหมือนไม่รู้จะใส่ตรงไหน จะทำให้คนดูมีความหวังว่าทิดน้อยจะเอาชนะใจนากได้ แต่ดันให้ คาแร็กเตอร์ของทิดน้อยดูไม่ฉลาด เข้าข้างตัวเองและเอาแต่แสดงความเห็นแก่ตัว หรือ คนดูจะซาบซึ้งในความเสียสละของทิดน้อยและแสดงความรักที่ไม่เปลี่ยนแปลง? หนังกลับให้น้ำหนักเรื่องราวในส่วนนี้ไม่มากพอ

และปัญหาสำคัญของหนัง “ทิดน้อย” คือ พี่เท่งยังยึดติดกับรสนิยมการดูหนังของตัวเอง จนทำให้จังหวะการเล่าของมันดูเชื่องช้า ย่ำอยู่กับที่ และไม่ตอบโจทย์ว่าจะพาคนดูยุคใหม่เข้าโรงไปหัวเราะไปกับหนังได้ขนาดไหน และที่ถือว่า ไม่แยแสกับความเปลี่ยนแปลงในสังคมเลยก็คือบทของรัศมีแข ฟ้าขี้เหงา ซึ่งยังคงเป็นมุมมองของผู้ชายในยุคเบบี้บูมที่มองว่าสาวประเภทสองเป็นต่างชาติและคุกคามผู้ชายจนดูน่ากลัว

สรุปแล้ว ควรค่าแก่การไปดูไหม ?

และกล่าวในทางที่โหดร้ายที่สุด เปรียบเทียบหนังความยาว 105 นาทีทั้งเรื่องที่มีเรื่องเล่ายาวและมุกตลกที่ไม่เวิร์คกับคนดู เปรียบได้กับ คลิปตลกที่มีความยาวเพียงไม่กี่วินาที ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าระหว่างเสียเงินค่าตั๋วหนังในยุคเศรษฐกิจซบเซากับการเปิดคลิปฮาๆในแอพต่างๆและดูได้ทุกที่ ผู้ชมที่ต้องการความบันเทิงทันใจจะเลือกแบบไหน?

บทความแนะนำ

รีวิวหนัง wednesday